ถาม-ตอบ
เมือกหอยทากที่ใช้ใน Snail 8 ต่างจากเมือกหอยทากอื่น ๆ อย่างไร?
เมือกหอยทากที่ใช้ใน Snail 8 เป็น “คุณค่าแท้เมือกหอยทาก” ซึ่งหมายถึง เมือกหอยทากที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงที่สุด เพราะเมือกหอยทากที่ใช้ใน Snail 8 เป็นเมือกที่มีกระบวนการผลิตที่แตกต่างจากเมือกอื่น ๆ คือ
เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยช่วยบำรุงผิวได้จริงหรือไม่?
จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องเมือกหอยทากมานานกว่า 30 ปี โดยผลการวิจัยพบว่า เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยมีสารสำคัญจำนวนมาก โดยเฉพาะสารที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคที่อยู่ในเขตร้อน นำมาผ่านกระบวนการสกัดให้ได้เฉพาะเมือกจากส่วนแมนเทิล ซึ่งเป็นเมือกที่มีคุณภาพดีที่สุด ผ่านกระบวนผลิตที่ได้มาตรฐาน เป็นสูตรเฉพาะของสยามสเนล ทำให้เมือกหอยทากนี้มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเซลผิว คืนความแข็งแรงให้ผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์
ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยดีกว่าเมือกหอยทากจากต่างประเทศจริงหรือ?
จากผลงานวิจัยเปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์เซรั่มเมือกหอยทาก และสุ่มเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเมือกหอยทากจากต่างประเทศในปริมาณโปรตีนสุทธิในเมือกหอยทากในปริมาตรที่เท่ากัน พบว่าเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยจากบริษัทสยามสเนล เป็นเมือกหอยทากที่อุดมไปด้วยโมเลกุลของเปปไทด์ และโปรตีนจำนวนมาก โดยโมเลกุลโปรตีนสุทธิที่มีในเมือกหอยทากสกัดเข้มข้นมีความเข้มข้นถึง 50mg/L ขณะที่ในเมือกหอยทากจากต่างประเทศมีความเข้มข้นเพียง 1-2 mg/L
นอกจากนั้นเมือกหอยทากสารพันธุ์ไทยของสยามสเนล ยังสามารถต้านเชื้อจุลชีพ ทั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา โดยมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อโรคได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับเมือกหอยทากจากต่างประเทศ
เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยของสยามสเนลผ่านกระบวนการสกัดเพื่อให้มีความเข้มข้นสูง และมีสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเมือกหอยทากจากต่างประเทศประมาณ 30 เท่า และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่กรองให้ได้เมือกหอยทากโมเลกุลเล็ก ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และสามารถนำมาผลิตเซรั่มที่คงความเข้มข้นไว้ได้ถึง 100%
ทำไมเมือกที่มาจากส่วน แมนเทิล ถึงเป็นเมือกส่วนที่ดีที่สุดในการบำรุงผิว?
แมนเทิลของหอยทากเป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่สร้างเมือกที่เป็นสารหล่อลื่นขึ้นเมื่อร่างกายหอยได้รับปัจจัยจากภายนอกมากระทบ เช่นมีบาดแผลจากการกระแทกและขีดข่วน โดยจะสร้างและซ่อมแซมเปลือกที่สึกหรออย่างต่อเนื่อง ดูแลปกป้องผิวหนังให้ยังคงความอ่อนนุ่ม โดยในเมือก ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจำนวน 6 ชนิด ได้แก่
- Anti-microbial peptide (สารต้านเชื้อแบคทีเรีย)
- Glycolic acid (กรดไกลโคลิค)
- Allantoin (อาลันโทอิน)
- Hyaluronic acid (กรดไฮยาลูโรนิค)
- Anti-oxidants (สารต้านอนุมูลอิสระ)
- Vitamin A, D, E
เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยดีกว่าเมือกหอยทากจากต่างประเทศจริงหรือ?
จากการวิจัยของ ศ. ดร.สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์เซรั่มเมือกหอยทาก และสุ่มเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเมือกหอยทากจากต่างประเทศ
จากผลวิจัยปริมาณโปรตีนสุทธิในเมือกหอยทากในปริมาตรที่เท่ากัน พบว่าเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยจากบริษัทสยามสเนล เป็นเมือกหอยทากที่อุดมไปด้วยโมเลกุลของเปปไทด์ และโปรตีนจำนวนมาก โดยโมเลกุลโปรตีนสุทธิที่มีในเมือกหอยทากสกัดเข้มข้นมีความเข้มข้นถึง 50mg/L ขณะที่ในเมือกหอยทากจากต่างประเทศมีความเข้มข้นเพียง 1-2 mg/L
นอกจากนั้นเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยของสยามสเนล ยังสามารถต้านเชื้อจุลชีพ ทั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา โดยมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อโรคได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับเมือกหอยทากจากต่างประเทศ เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยของสยามสเนลผ่านกระบวนการสกัดเพื่อให้มีความเข้มข้นสูง และมีสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเมือกหอยทากจากต่างประเทศประมาณ 30 เท่า และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่กรองให้ได้เมือกหอยทากโมเลกุลเล็ก ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และสามารถนำมาผลิตเซรั่มที่คงความเข้มข้นไว้ได้ถึง 100%
ซึ่งเมือกหอยทากของสยามสเนลนี้ถูกนามาใช้เป็นส่วนผสมหลักในทุกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของ SNAIL 8
เมือกหอยทากที่ดี ตบแล้วต้องยืดจริงหรือไม่?
โดยลักษณะของเมือกหอยทากที่แท้จริงนั้น จะไม่มีการยืด แต่เนื่องจากในปัจจุบันผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากเมือกหอยทากมีส่วนผสมหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อะคริเลท โพลิเมอร์ (Acrylate Polymer) โดยสารดังกล่าวมีโมเลกุลที่เป็นเส้นยาว จึงทำให้มีความหนืดและยืดที่มากกว่า ซึ่งข้อเสียคือทำให้ซึมเข้าสู่ผิวยากและจะทาให้เกิดการอุดตันรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว